วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2559
ในแผ่นดินจีนช่วงเกิดการปฏิวัติเพื่อโค้นล้มการปกครองแบบศักดินา (ค.ศ. ๑๙๑๑) เมื่อราชสำนักทราบข่าวการก่อปฏิวัติ ก็รีบประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วให้เรียกตัวนายทหารชื่อ หยวนซื่อไข่ กลับมารับราชการอีก
หลังจากถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะคิดหักหลังราชสำนักเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๐๘
หยวนซื่อไข่
ระหว่างที่หยวนซื่อไข่ถูกสั่งพักงานอยู่นั้น
เขาได้เฝ้าสังเกตการณ์ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในอาณาจักรมาโดยตลอด และมองอย่างเข้าใจในสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างดี
นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าตนเองควรยืนอยู่จุดไหน
เมื่อมีคำสั่งให้ตนกลับไปรับตำแหน่งแม่ทัพปราบกบฏ เขาจึงวางเงื่อนไขกับราชสำนักในฐานะผู้ถือไพ่เหนือกว่าไว้ ๖
ข้อ ได้แก่
๑)
ให้ราชสำนักตั้งสภาผู้แทนราษฎรแห่งชาติขึ้นภายในหนึ่งปี
๒)
จัดตั้งเสนาบดีคนใหม่มารับผิดชอบ
๓)
อภัยโทษนักปฏิวัติทั้งหมด
๔)
ยกเลิกคำสั่งที่ราชสำนักเคยออกมาบังคับพรรคการเมือง
๕)
ให้ตนมีอำนาจโดยสมบูรณ์ในการบังคับบัญชากองทัพบกและกองทัพเรือ
๖)
ต้องรับรองว่าราชสำนักมีงบประมาณให้อย่างเพียงพอตลอดการปฏิบัติงาน
เงื่อนไขที่หยวนซื่อไข่ตั้งเอาไว้นี้
แสดงถึงความเข้าใจในสถานการณ์ขณะนั้นเป็นอย่างดีหยวนเอาใจทั้งฝ่ายประชาชนที่กำลังเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เอาใจทั้งฝ่ายนักปฏิวัติและที่สำคัญตนเองต้องมีทหารอยู่ในการปกครองด้วย
ราชสำนักไม่มีทางเลือกอื่น ในเมื่อทหารที่มีประสิทธิภาพที่สุดเป็นคนของหยวน
การที่หยวนไม่ชิงบัลลังก์เสียเองก็เป็นการดีมากแล้ว
จึงยอมรับในเงื่อนไขทั้งหมดแล้วให้สิทธิ์ขาดทุกอย่างในการปราบผู้ก่อการปฏิวัติ
วันที่
๒๙ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๑๑ ซุนยัตเซ็นได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีน
ด้วยเสียงสนับสนุนจากผู้แทนทั้ง ๑๗ มณฑล(อ่านเพิ่มได้ที่เรื่องการปฏิวัติ ๑๙๑๑)
ระหว่างที่คณะปฏิบัติงานของพรรคถงเหมินฮุ่ยที่นำโดยประธานาธิบดีซุนยัตเซ็น
วางแผนที่จะยกทัพขึ้นเหนือเพื่อยึดอำนาจเมืองหลวง
หยวนซื่อไขได้ส่งคนมาเจรจาต่อรองกับคณะรัฐบาลใหม่ที่หนานจิง
หยวนซื่อไขทราบดีว่าการยกทัพจากทางใต้ขึ้นเหนือไม่ใช่เรื่องง่าย
ในทางกลับกันการยกทัพจากทางเหนือเพื่อไปปราบกลุ่มผู้การปฏิวัติทางใต้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน
จึงพยายามยื่นข้อเสนอให้ซุนยัตเซ็นมอบตำแหน่งประธานาธิบดีให้ตน
แล้วตนจะทำให้ราชวงศ์ชิงสละราชสมบัติโดยไม่ต้องหลั่งเลือด
ซุนยัตเซ็นแม้ไม่เห็นด้วยที่จะให้คนที่ไม่เคยซื่อตรงต่อใครอย่างหยวนซื่อไขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี
แต่ด้วยเงื่อนไขที่ว่าไม่ต้องหลั่งเลือด และด้วยความเคารพในเสียงของคนส่วนใหญ่(ตามหลักประชาธิปไตย) ตนก็พร้อมจะลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีทันที
วันที่
๑๔ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๑๒ เมื่อซุนยัตเซ็นได้ทราบข่าวการสละราชสมบัติของจักรพรรดิผู่อี้
จากสื่อต่าง ๆ จึงได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีตามที่ได้ตกลง โดยมีเงื่อนไขในใบลาออกระบุไว้ ๓ ข้อ
ว่า
๑)
ที่ตั้งของรัฐบาลชุดใหม่จะต้องอยู่หนางจิงเท่านั้น
๒)
ประธานาธิบดีคนใหม่ที่ได้รับเลือกต้องมารับตำแหน่งที่หนางจิง
๓)
รัฐธรรมนูญของรัฐบาลใหม่ที่ออกโดยสภาผู้แทนราษฎร
ประธานาธิบดีจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
จักรพรรดิองค์สุดท้าย
หยวนไม่เคยคิดที่จะทิ้งฐานอำนาจของตนในปักกิ่งอยู่แล้ว
เมื่อเงื่อนไขในการลาออกเป็นอย่างนี้ ตนจึงต้องหาอุบายเพื่อให้ได้ครองอำนาจในปักกิ่ง
หยวนให้ทหารแต่งกายเป็นชาวบ้านแล้วสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในเขตชุมชมเมืองทั้งที่ปักกิ่ง
ที่เทียนจินและที่เปาติ้งเพื่อใช้เป็นข้ออ้างว่าสถานการณ์ไม่สงบเช่นนี้ ต้องรีบแต่งตั้งประธานาธิบดีขึ้นมาแก้ไขปัญหาโดยด่วน
บรรดาคณะผู้นำกลุ่มปฏิวัติจำเป็นต้องยอมให้หยวนเข้ารับตำแหน่งที่ปักกิ่ง
ในวันที่ ๑๐ มีนาคม โดยมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ๕๖ มาตรา มีผลบังคับใช้
สหรัฐอเมริกาเป็นชาติแรกที่รับรองความเป็นรัฐบาลของสาธารณรัฐจีน
เป็นที่น่าสังเกตว่า
บรรดานักปฏิวัติกลับให้ความสำคัญกับหยวนซื่อไข ทั้งที่รู้พฤติกรรมอยู่แล้วว่าเคยหักหลังจักรพรรดิเต๋อจงเมื่อครั้งพระองค์ประกาศปฏิรูปประเทศ
นอกจากนี้ตลอดชีวิตของหยวนเคยชินแต่กับรูปแบบการปกครองแบบเผด็จการ
การที่จะคุยเรื่องหลักประชาธิปไตยกับหยวนคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
อย่างไรก็ตาม
หลังจากหยวนซื่อไขได้เป็นประธานาธิบดี รัฐบาลคณะใหม่ได้วางโครงสร้างการปกครองไว้
ดังนี้
หยวนแต่งตั้งให้นายทหารคนสนิทเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญ
ๆ ๕ คน ตำแหน่งรองลงมาเป็นของสมาชิกกลุ่มปฏิวัติ ๔ คน
ซุนยัตเซ็นได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างทางรถไฟสายเหนือ หวงซิง อดีตแม่ทัพของกลุ่มปฏิวัติได้เป็นผู้อำนวยการสร้างทางรถไฟสายใต้
ตามบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว
ระบุเอาไว้ว่าต้องจัดให้มีการเลือกตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นภายใน ๖ เดือน
หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ ผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงต้องมีอายุ ๒๑ ปีขึ้นไป
จบการศึกษาชั้นประถม ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ออกเสียง
เมื่อรัฐสภาจัดให้มีการเลือกตั้ง
พรรคการเมืองที่เข้าสมัครรับเลือกตั้งมีทั้งหมด ๔ พรรค
กลุ่มนักปฏิวัติใช้ชื่อพรรคใหม่ว่ากั๋วหมินตั่ง ภายใต้การนำของซ่งเจี้ยวเหริน
(อดีตผู้นำคนที่สามของกลุ่มปฏิวัติ) มีนโยบายสำคัญคือ รัฐสภาสามารถตรวจสอบและยับยั้งการใช้อำนาจของประธานาธิบดีได้
เมื่อผลของการเลือกตั้งครั้งแรกในประศาสตร์ของสาธารณรัฐจีนออกมา
พรรคกั๋วหมินตั่งได้คะแนนเสียงข้างมาก เมื่อจัดตั้งคณะรัฐบาลเสร็จ
ตามรัฐธรรมนูญสามารถผลักดันให้มีการเลือกประธานาธิบดีตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยได้
เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏผลเป็นอย่างนี้
หยวนจำเป็นต้องดำเนินการตามวิธีที่ตนถนัดที่สุดคือ
การซื้อคนมาเป็นพวกถ้าซื้อไม่ได้ก็สังหารทิ้ง
ปรากฏว่าหยวนซื้อสมาชิกพรรคกั๋วหมินตั่งได้หลายคนยกเว้นหัวหน้าพรรค
ยังผลให้ก่อนที่จะมีการประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีชุดใหม่ ซ่งเจี้ยวเหริน ได้กลายเป็นศพไปเรียบร้อยแล้ว
การตายของซ่งเจี้ยวเหริน
สร้างความโกรธแค้นให้แก่บรรดานักปฏิวัติและสมาชิกพรรคกั๋วหมินตั่งเป็นอย่างมาก
หยวนคาดการณ์ล่วงหน้าเอาไว้แล้วว่าต้องเกิดสงครามกลางเมืองอย่างแน่นอน
จึงหาทุนเอาไว้ใช้ยามสงครามด้วยการขอกู้เงินจากสหธนาคารของชาวต่างชาติ ๒๕
ล้านปอนด์ เพื่อสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายของกองทัพ
โดยเอาภาษีเกลือของรัฐบาลจีนเป็นสิ่งค้ำประกัน
การกู้เงินจำนวนมากมายของหยวนไม่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ
ไม่ได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ทำให้เกิดกระแสการคัดค้านอย่างหนัก หยวนเองไม่ต้องการรับฟังเสียงคัดค้านจึงสั่งปลดทุกคนที่ไม่เห็นด้วยกับตน
สุดท้ายผู้ว่าการมณฑลต่าง ๆ ประกาศตัวเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อรัฐบาลของหยวนอีกต่อไป
สงครามกลางเมืองได้อุบัติขึ้น
เมื่อหยวนส่งกองทัพเป่ยหยางเข้าปราบกลุ่มนักปฏิวัติและผู้ว่าการมณฑลต่าง ๆ ที่ประกาศตนเป็นอิสระ
ด้วยการปฏิบัติการอย่างเฉียบขาดของกองทัพเป่ยหยาง
ภายในสองเดือนกลุ่มผู้ต่อต้านต้องประกาศยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข
หลังจากนั้นหยวนได้แต่งตั้งให้แม่ทัพที่มีความดีความชอบเข้าไปปกครองแทนผู้ว่าการคนเดิม
การเข้ามาครองอำนาจในมณฑลต่าง ๆ ของเหล่าแม่ทัพนายกองทั้งหลายเหล่านี้
ทำให้การบ้านเมืองในอุดมคติของซุนยัตเซ็นต้องแตกสลาย
ระบอบประชาธิปไตยที่คิดว่าจะช่วยพัฒนาประเทศให้ดีขึ้นกลับเป็นเครื่องมือให้เหล่าผู้มีอำนาจใช่เอาเปรียบประชาชน
วันที่
๑๐ ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๑๓ มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งแน่นอนว่าหยวนต้องได้รับตำแหน่งนี้
เมื่อได้ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการหยวนประกาศยุบตำแหน่งสภาผู้แทนราษฎรและตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา
พร้อมกับประกาศรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา
ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ประธานาธิบดีอยู่ในตำแหน่ง ๑๐ ปี มีอำนาจบริหารประเทศทั้งหมด มีอำนาจประกาศสงคราม
มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนข้าราชการทุกระดับชั้น มีอำนาจออกกฎหมาย มีอำนาจยกเลิกกฎหมาย
ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม
อำนาจที่หยวนมีในตอนนี้ถือได้ว่าเทียบเท่ากับองค์จักรพรรดิ
ต่างกันตรงที่ชื่อที่ใช้เรียกเท่านั้นเอง จุดนี้เองทำให้หยวนเกิดความคิดที่จะกลับไปใช่ระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ระหว่างที่หยวนพยายามที่จะก้าวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิ
สงครามโลกครั้งที่ ๑ ก็อุบัติขึ้น (ค.ศ. ๑๙๑๔) ญี่ปุ่นเห็นว่าเป็นจังหวะอันดี
ที่จะเข้ามารุกรานอาณาจักรจีนจึงเลือกอยู่ฝ่ายสัมพันธมิตร
โจมตีเขตสัมปทานของเยอรมันที่อยู่ในแผ่นดินจีน
กองทัพญี่ปุ่นสามารถยึดเขตสัมปทานของเยอรมันในซานตงได้
แล้วใช้ที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่นสำหรับขยายอำนาจของตนในแผ่นดินจีนต่อไป
รัฐบาลจีนไม่ต้องการปะทะกับญี่ปุ่นโดยตรงเพราะอาวุธยุทโธปกรณ์ด้อยกว่าจึงเสนอให้มีการเจรจา
วันที่
๑๘ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๑๕ มีการเจรจาระหว่างทูตญี่ปุ่นกับหยวนซื่อไข่อย่างลับ ๆ ทูตญี่ปุ่นได้ยื่นข้อเสนอว่าจะสนับสนุนหยวนให้ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ
แต่รัฐบาลจีนต้องยินยอมตามเงื่อนไขทั้ง ๒๑ ประการ ที่รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้อง
ซึ่งเงื่อนไข ๒๑ ประการ ที่ญี่ปุ่นเรียกร้องมีสาระสำคัญ ดังนี้
-
จีนต้องยินยอมให้ญี่ปุ่นมีอำนาจในซานตง
-
ญี่ปุ่นต้องได้สิทธิ์ทุกอย่างของเยอรมันและของรัสเซียที่เคยได้จากจีน
-
จีนต้องเปิดแมนจูเรียและมองโกลเลียในให้ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุน
-
ญี่ปุ่นต้องได้สิทธิ์ในการทำเหมืองแร่และทางรถไฟ
-
โรงงานเหล็กกล้าที่ฮั่นเยี่ยผิงจะต้องเป็นกรรมาสิทธิ์ร่วมระหว่างจีนกับญี่ปุ่น
-
จีนต้องไม่ยินยอมให้ หรือให้เช่าท่าเรือ
อ่าวหรือเกาะไม่ว่าจะเป็นแห่งหนึ่งแห่งใดแก่ชาติอื่นยกเว้นญี่ปุ่น
-
จีนต้องว่าจ้างชาวญี่ปุ่นเป็นที่ปรึกษาทางการเมือง การคลังและการทหาร
-
กิจการตำรวจในบริเวณพื้นที่สำคัญ ๆ ต้องเป็นบริการร่วมกันระหว่างชาวจีนกับชาวญี่ปุ่น
ฯลฯ
หยวนติดสินใจเพียงบุคคลเดียวยอมรับเงื่อนไขทั้ง
๒๑ ข้อที่ทูตญี่ปุ่นเสนอ เมื่อประชาชนทราบเรื่องก็พากันโกรธแค้นรัฐบาลจีน
และโกรธแค้นชาวญี่ปุ่น ต่างพากันปฏิญาณตนว่า “จะต่อต้านชาวต่างชาติ
และกำจัดคนทรยศในแผ่นดิน”
เดือนสิงหาคม
ค.ศ. ๑๙๑๕ หยวนเริ่มแสดงเจตจำนงอย่างเปิดเผยที่จะเป็นจักรพรรดิ
โดยมอบหมายให้หยางตู้ไปสร้างกระแสมวลชน
หยางตู้ได้สร้างเหตุการณ์อัศจรรย์มีการพบกระดูกมังกรแล้วเขียนข่าวประชาสัมพันธ์ว่า
บัดนี้ประเทศต้องการจักรพรรดิ ฯลฯ เพื่อสนับสนุนให้หยวนได้ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิอย่างชอบธรรม
หยวนซื่อไข่ประกาศให้ชาวจีนทราบข่าวว่า
ในวันที่ ๑ มกราคม ค.ศ. ๑๙๑๖ จะเป็นวันราชาภิเษก
ระหว่างนั้นกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการเป็นจักรพรรดิของหยวนซื่อไข่เพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น
หยวนสั่งให้ต้วนฉีรุ่ยกับเฝิงกั๋วจางแม่ทัพคนสนิทยกทัพไปปราบแต่ทั้งสองไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งโดยอ้างว่าป่วย
ต่อจากนั้นเหล่าแม่ทัพนายกองทั้งหลายที่หยวนเคยแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการประจำมณฑลต่าง
ๆ ประกาศตัวเป็นอิสระไม่ยอมรับคำสั่งของหยวนอีกต่อไป
ทางทหารของรัฐบาลญี่ปุ่นที่หยวนเคยหวังพึ่งก็ปลีกตัวหนี
สุดท้ายหยวนจำเป็นต้องกลืนกินน้ำลายตนเองที่ถ่มออกไปแล้ว
โดยการขอรื้อฟื้นคณะรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่แต่บัดนี้ไม่มีใครยอมรับการกระทำของหยวนได้อีกแล้วเมื่อต้องเผชิญกับความผิดหวังและสิ้นหวังในทุก
ๆ ประการ อาการป่วยด้วยโรคโลหิตเป็นพิษก็กลับมารุมเร้าจนสิ้นใจในวันที่ ๖ มิถุนายน
ค.ศ. ๑๙๑๖
หยวนซื่อไข่ ขณะเข้าพิธีไหว้ฟ้าดิน
มรดกของหยวนซื่อไข่
ดังได้กล่าวมาแล้ว
เมื่อครั้งที่ผู้ว่าการมณฑลต่าง ๆ ประกาศตัวเป็นอิสระหยวนได้มอบหมายให้แม่ทัพนายกองนำกำลังทหารไปปราบ
จนแม่ทัพเหล่านั้นได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการประจำมณฑลต่าง ๆ แทนคนเดิม
ตลอดระยะเวลา
๔ ปี ที่หยวนเป็นประธานาธิบดี ผู้ว่าการคนใหม่ทั้งหลายเหล่านี้โดยหน้าฉากก็แสดงบทจงรักภักดีแต่หลังฉากกลับแสดงการต่อต้าน
หยวนเองก็พอจะรู้พฤติกรรมของเหล่าแม่ทัพนายกองเหล่านี้
จึงมีคำสั่งให้สลายกองกำลังทหารหรือให้ทหารปลดประจำการอยู่เรื่อย ๆ
แม้กระนั้นจำนวนทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ของแต่ละมณฑลก็เพิ่มขึ้นตลอด
ผู้ว่าการทหารแต่ละมณฑลเริ่มติดต่อโดยตรงกับนายทุนเงินกู้ต่างชาติ
โดยเอาทรัพยากรธรรมชาติของแต่ละมณฑลเป็นสิ่งค้ำประกัน
บางมณฑลถึงกับพิมพ์ธนบัตรใช้เองโดยไม่สนใจรัฐบาลกลางเลย
ลักษณะเฉพาะในยุคที่เหล่าแม่ทัพนายกองเป็นผู้ว่าการมณฑล
คือบ้านเมืองเต็มไปด้วยโจรผู้ร้าย มีเหตุการณ์ฆาตกรรมและการข่มขืนเกิดขึ้นรายวัน
ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ทหารเป็นผู้กระทำเสียเองเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเป็นดังนี้ชาวบ้านทั่วไปต่างต้องการอาวุธปืนเพื่อใช้ป้องกันตัว
เมื่อประชาชนมีปืนกฎหมายย่อมไม่ศักดิ์สิทธิ์ ความเป็นเอกภาพของประเทศค่อย ๆ หมดสิ้นไป
เมื่อหยวนซื่อไข่ตายหลี่เหยียนหงเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อ
หลี่ไม่มีกำลังทหารอยู่ใต้บังคับบัญชา
ทำให้ถูกจอมพลจางซุนผู้ว่าการมณฑลเหอหนานก่อรัฐประหาร
ถัดจากนั้นไม่ถึงสองสัปดาห์
จอมพลต้วนฉีรุ่ยนำทหารกองทัพเป่ยหยาง ๒๐๐,๐๐๐ นาย บุกมาโค่นอำนาจของจอมพลจางซุนที่ปักกิ่ง
เมื่อโค่นได้แล้วก็แต่งตั้งเฟิงกั๋วจางเป็นประธานาธิบดีตั้งตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี
พัฒนาการของทหารในมณฑลต่าง
ๆ
ที่พยายามสร้างฐานอำนาจให้แก่กลุ่มของตนเองและความหายนะที่เกิดในแผ่นดินจีนตลอดระยะเวลาที่หยวนซื่อไข่กุมอำนาจ
ถือเป็นมรดกที่หยวนได้มอบให้แก่แผ่นดินแม่ของตน
ประชาธิปไตยที่มีผู้นำยึดมั่นในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ประชาธิปไตยที่ไม่เคยสนใจความคิดเห็นของประชาชน
ประชาธิปไตยที่แก้ไขปัญหาโดยการใช้กำลังทหาร
ประชาธิปไตยที่ขอให้ทุกคนทำตามคำสั่งโดยปราศจากความสงสัยหรือการโต้แย้ง
นี้คือหลักประชาธิปไตยในแบบที่หยวนซื่อไข่ใช้มาตลอดระยะเวลา ๔ ปี
ที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีปกครองสาธารณรัฐจีน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Search
สนับสนุนผู้เขียน
เสียงเพรียกแห่งธรรม
บทความยอดนิยม
-
นักปฏิวัติและกวีสาวที่อุทิศชีวิตเพื่ออุดมการณ์ มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะเธอเป็นหญิงจีนคนแรกที่กล้าออกมาเรียกร้องส...
-
ในปี 2554 ที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดจากการใช้ Social Media ในการกระจายข่าว จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองมาแล้วในหลาย...
-
"คนกลุ่มไหนแต่งตั้ง ก็ต้องไปรับใช้คนกลุ่มนั้น" โดย นิติภูมิ นวรัตน์ ท่านผู้ใหญ่ถามผมว่า ถ้าการเมืองถอยหลัง ยอมให้ ส.ว.เลือกนาย...
-
วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เริ่มก่อการปฏิวัติ โดยเจตนาแรกที่บอกแก่ประชาชนว่าที่ต้องทำเช่นนี้เพราะ ต้องการให้บ้า...
-
ช่วงปลายรัชสมัยของจักรพรรดิเฉิ่งจื่อ (ค.ศ. ๑๔๐๓ - ๑๔๒๔) อาณาจักรจีนต้องประสบกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันอย่างหนัก สาเหตุของปัญหานี้เกิดจา...
-
โดย.... นิติภูมิ นวรัตน์ 19 เม.ย. 59 ไทยรัฐออนไลน์ แนวโน้มที่จะก่อให้เกิดวิกฤติความขัดแย้งขั้นสูงถึงขั้นเลือดท่วมแผ่นดิน มาตรา 31...
-
อาณาจักรจีนนับตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรที่สุด คนจีนในยุคก่อนเลยมีความเชื่อว่าอาณาจักรของตนเป็นเจ้าโลก จึงมักเรียก...
-
เด็กๆ มันบ่น ประชาชนเบื่อจนคนในชาติเกือบจะเป็นบ้า เพราะนักปกครองดีแต่พูด อวดดี หูเบา ปากบอน บุ่มบ่าม บ้าระห่ำ และหลงอำนาจ ขอท...
-
เมืองไทยของเรา เข้าทางลำบาก เพราะคนใช้ปาก พูดจาถากถาง ด่าทอโจมตี กาลีทุกทาง สามัคคีอับปาง ทุกอย่างวุ่นว...
-
ในแผ่นดินจีนช่วงเกิดการปฏิวัติเพื่อโค้นล้มการปกครองแบบศักดินา (ค.ศ. ๑๙๑๑) เมื่อราชสำนักทราบข่าวการก่อปฏิวัติ ก็รีบประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องแล้...
สถิติผู้เข้าชม
ติดตามผู้เขียน
ฟอร์มรายชื่อติดต่อ
ติดตามที่ Facebook
Icon
Tags
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น