วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558
นักปฏิวัติและกวีสาวที่อุทิศชีวิตเพื่ออุดมการณ์
มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ
เพราะเธอเป็นหญิงจีนคนแรกที่กล้าออกมาเรียกร้องสิทธิและความเสมอภาคของสตรีในแผ่นดินจีน หญิงสาวคนนั้นมีนามว่าชิวจิ่น
(ค.ศ. 1877-1907)
ชิวจิ่น เกิดในตำบลเซ่าซิง มณฑลเจ๋อเจียง เธอเติบโตขึ้นมาโดยได้รับการศึกษาและอบรมบ่มสอนเยี่ยงกุลสตรีในระบอบเก่า(คือผู้หญิงต้องอยู่กับเรือนไม่มีอำนาจใดๆทั้งสิ้น) ด้วยความที่เธอเป็นคนใฝ่เรียนเป็นพิเศษแม้จะถูกปิดกั้น แต่เธอก็ยังมีโอกาสได้ศึกษาบทกวีรวมทั้งบทความเสียดสีสังคม ที่เหล่าปัญญาชนในยุคนั้นเขียนเสียดสีชนชั้นปกครอง
ชิวจิ่นในวัยสาวได้แต่งงานตามประเพณีที่พ่อแม่จัดการให้กับบุตรชายพ่อค้าแซ่หวาง ทั้งสองได้ย้ายไปอยู่ที่ปักกิ่งแล้วมีลูกกับสามี 2 คน
ในแผ่นดินจีนช่วง ค.ศ.1897 โดยเฉพาะที่ปักกิ่ง กองทัพของชาวต่างชาติ บุกเข้าสังหารและ ปล้มสะดมทำให้ชาวเมืองล้มตายและอยู่ในอาการหวาดผวา หญิงสาวหรือแม้กระทั้งเด็กสาวถูกทหารต่างชาติข่มขืน
ในขณะที่เธอและสามีอยู่อย่างสะดวกสบาย เมื่อเธอได้เห็นเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้ ทำให้เธอได้คิดว่า "การมีชีวิตที่ฟู่ฟ้า หรูหราแต่ไร้ค่า มันไม่มีความหมายอะไรเลย
ในเมื่อชาติกำลังจะพังพินาศอยู่แล้ว" ในที่สุดชิวจิ่วก็ตัดสินใจเด็ดขาด
โดยขอหย่ากับสามี เธอขายเครื่องประดับทุกอย่าง แล้วนำเงินที่ได้จากการขายสมบัติมอบให้แก่บุตรทั้งสอง เธอเก็บเงินไว้ใช้เพียงน้อยนิดสำหรับการเดินทางไปศึกษาต่อที่โตเกียวประเทศญี่ปุ่น ในสมัยนั้นการตัดสินใจเช่นนี้ นับว่าต้องมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวอยู่มากทีเดียว
เมื่อซุนยัตเซ็น จัดตั้งกลุ่มถงเหมินฮุ่ยในโตเกียวปลายเดือนกรกฎาคม 1902 ชิวจิ่ว ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกรุ่นแรก ๆ เธอได้รับมอบหมายให้จัดตั้งสาขาย่อยของกลุ่มขึ้นในมณพลเจ๋อเจียง
ต่อมา ชิวจิ่วได้ออกนิตยสารสตรีรายเดือน มีชื่อว่า “วารสารสตรีรายเดือน”
มีนโยบายให้ความรู้เรื่องความเสมอภาคของสตรีในแผ่นดินจีน
วารสารสตรีรายเดือนฉบับแรก ออกจำหน่ายวันที่
1 มกราคม ค.ศ. 1907 จากบทนำของวารสารนี้มีชื่อว่า “สารถึงสตรีทั้งหลาย”
โดยมีแนวคิดที่มีต่อเพื่อนสตรีทั้งหลายว่า
“พี่น้องที่รักทั้งหลาย วันนี้ บุรุษ 200 ล้านคนในประเทศของเรากำลังเข้าสู่โลกใหม่อันเป็นอารยะ
แต่เหล่าสตรียังคงต้องถูกเก็บตัวไว้ในห้องขังเยี่ยงนักโทษ เราต้องถูกมัดเท้า,
แปรงผม, ตกแต่งร่างกายด้วยดอกไม้และเครื่องประดับ, แต่งหน้าทาปาก
,สวมใส่ผ้าไหมผ้าแพรหลอกล้อ,ยั่วยวน ,อดทนต่อความทุกข์ทรมาน,ร้องไห้คนเดียวเงียบๆ
ความจริงของเราในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากนักโทษที่ต้องถูกคุมขังอยู่ชั่วชีวิต แล้วยังต้องทำงานหนักเหมือนวัวควายที่ถูกจูงจมูกถึงครึ่งชีวิตของเราทีเดียว
พี่น้องที่รัก เธอเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า ตลอดชีวิตทั้งชีวิตของเธอ เคยมีความสุขอย่างมนุษย์เป็นอิสระกับเขาบ้างหรือไม่หนอ”
พี่น้องที่รัก เธอเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า ตลอดชีวิตทั้งชีวิตของเธอ เคยมีความสุขอย่างมนุษย์เป็นอิสระกับเขาบ้างหรือไม่หนอ”
วารสารสตรีจีนซึ่งชิวจิ่วเป็นบรรณาธิการเอง
ตรวจสอบปรู๊ฟเองและจัดจำหน่ายเองออกได้เพียง 2 ฉบับก็ต้องม้วนเสื่อเก็บ เพราะถูกทางการสั่งกวาดล้าง
ครั้นเมื่อ
กองกำลังของซุนยัตเซ็นเริ่มยึดอำนาจที่หูหนาน แต่ปรากฏว่าล้มเหลว ชิวจิ่วกับเพื่อน
ๆ นักปฏิวัติก็ยังไม่ยอมถอยยังคงเตรียมการของตนเพื่อเตรียมยึดอำนาจต่อไป แม้รู้ว่าซูซิหลินซึ่งเป็นเพื่อนรักของเธอเสียชีวิตแล้วก็ตาม
เธอเตรียมการไว้อาลัยอย่างลับ ๆ และเตรียมกำลังเพื่อยึดอำนาจต่อทันทีเมื่อเสร็จพิธี ชิวจิ่วก็ได้เขียนนจดหมายถึงเพื่อนในเซี่ยงไฮ้มีข้อความตอนหนึ่งว่า
เธอเตรียมการไว้อาลัยอย่างลับ ๆ และเตรียมกำลังเพื่อยึดอำนาจต่อทันทีเมื่อเสร็จพิธี ชิวจิ่วก็ได้เขียนนจดหมายถึงเพื่อนในเซี่ยงไฮ้มีข้อความตอนหนึ่งว่า
“ฉันมีแต่ความทุกข์ทรมาน เมื่อได้เห็นเพื่อนร่วมชาติต้องอยู่ในกลียุคและประเทศชาติต้องตกอยู่ในอันตราย
ครั้นมาถึงบัดนี้ ตัวฉันเองก็ใกล้จะถึงที่จุดจบของชีวิตแล้ว
มีประโยชน์อะไรที่จะร้องไห้ ใครจะเป็นคนฝังฉันในดินแดนอันเป็นซากปรักหักพังแห่งนี้
ไม่จำเป็นอะไรที่จะสร้างหลุมฝังศพให้ฉัน เพราะจีนก็เป็นแต่ซากปรักหักพังแล้ว
มันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
แม้ว่าลมหายใจหมดลงไปแล้ว ลาก่อน”
แผนการยึดอำนาจของชิวจิ่นล่วงรู้ไปถึงทางการทำให้เธอถูกจัดได้
แล้วนำตัวไปประหารชีวิตอีก 3 วันต่อมาที่ถนนสายหนึ่งในเมืองเซ่าชิง
ความตายของเธอเป็นแบบอย่างให้แก่สตรีจีนทั้งหลายในฐานะ วีรสตรีผู้กล้าหาญไม่กลัวตาย ที่หาได้ยากยิ่ง
สิงที่เธอทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังอ่าน ถ่ายทอดให้เห็นถึงความรักในประเทศชาติ
และความใฝ่ฝันที่จะได้อุทิศตนในการต่อสู้เพื่อประเทศชาติ ที่กำลังสิ้นหวังในทุกประการ
ความจริง
ชิวจิ่วเป็นสตรีจีนคนแรกที่เรียกร้องความเสมอภาคระหว่วงบุรุษกับสตรีในสังคมจีน
และสตรีมากหลายก็ได้ถือเธอเป็นแบบอย่างอันเป็นอมตะในการต่อสู้เพื่อสิทธิของสตรีและระบอบประชาธิปไตยของชาติ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Search
สนับสนุนผู้เขียน
เสียงเพรียกแห่งธรรม
บทความยอดนิยม
-
นักปฏิวัติและกวีสาวที่อุทิศชีวิตเพื่ออุดมการณ์ มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะเธอเป็นหญิงจีนคนแรกที่กล้าออกมาเรียกร้องส...
-
ในปี 2554 ที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดจากการใช้ Social Media ในการกระจายข่าว จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองมาแล้วในหลาย...
-
"คนกลุ่มไหนแต่งตั้ง ก็ต้องไปรับใช้คนกลุ่มนั้น" โดย นิติภูมิ นวรัตน์ ท่านผู้ใหญ่ถามผมว่า ถ้าการเมืองถอยหลัง ยอมให้ ส.ว.เลือกนาย...
-
วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เริ่มก่อการปฏิวัติ โดยเจตนาแรกที่บอกแก่ประชาชนว่าที่ต้องทำเช่นนี้เพราะ ต้องการให้บ้า...
-
ช่วงปลายรัชสมัยของจักรพรรดิเฉิ่งจื่อ (ค.ศ. ๑๔๐๓ - ๑๔๒๔) อาณาจักรจีนต้องประสบกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันอย่างหนัก สาเหตุของปัญหานี้เกิดจา...
-
โดย.... นิติภูมิ นวรัตน์ 19 เม.ย. 59 ไทยรัฐออนไลน์ แนวโน้มที่จะก่อให้เกิดวิกฤติความขัดแย้งขั้นสูงถึงขั้นเลือดท่วมแผ่นดิน มาตรา 31...
-
อาณาจักรจีนนับตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรที่สุด คนจีนในยุคก่อนเลยมีความเชื่อว่าอาณาจักรของตนเป็นเจ้าโลก จึงมักเรียก...
-
เด็กๆ มันบ่น ประชาชนเบื่อจนคนในชาติเกือบจะเป็นบ้า เพราะนักปกครองดีแต่พูด อวดดี หูเบา ปากบอน บุ่มบ่าม บ้าระห่ำ และหลงอำนาจ ขอท...
-
เมืองไทยของเรา เข้าทางลำบาก เพราะคนใช้ปาก พูดจาถากถาง ด่าทอโจมตี กาลีทุกทาง สามัคคีอับปาง ทุกอย่างวุ่นว...
-
ในแผ่นดินจีนช่วงเกิดการปฏิวัติเพื่อโค้นล้มการปกครองแบบศักดินา (ค.ศ. ๑๙๑๑) เมื่อราชสำนักทราบข่าวการก่อปฏิวัติ ก็รีบประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องแล้...
สถิติผู้เข้าชม
ติดตามผู้เขียน
ฟอร์มรายชื่อติดต่อ
ติดตามที่ Facebook
Icon
Tags
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น