วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558
On 04:56 by EForL No comments
ปัจจุบันเราจะได้ยินสำนวน
หรือวลีทางการเมืองของท่านผู้นำบ่อย
ๆ ว่า “จะปฏิรูป” ซึ่งฟังแล้วรู้สึกว่าท่านมีภูมิรู้จริง ๆ (แค่รู้สึกนะ)
วันนี้เลยจะมายกกรณีศึกษาเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ไร้ผล ของอาณาจักรจีนช่วงปี ค.ศ.
๑๐๐๐
ปี
ค.ศ. ๑๐๔๓ หวังอันสือที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งทางราชการไม่นาน
ได้นำเสนอแนวทางการปฏิรูปแบบใหม่ โดยเสนอให้เร่งสร้างบุคลากรที่มีความสามารถ
ปรับปรุงระเบียบข้อกำหนดกฎหมาย และจัดการบริหารการคลังเสียใหม่ เป็นต้น
แนวคิดของหวังอันสือแม้ว่าจะเป็นที่ชื่นชมอย่างมากในหมู่ปัญญาชน
แต่องค์จักรพรรดิหรือผูู้ปกครองอาณาจักรไม่อนุญาติเดินการแต่อย่างใด
จวบจนถึงปี
ค.ศ. ๑๐๖๓ จักรพรรดิในยุคนั้นล้มป่วยสิ้นพระชนม์ลง ซ่งอิงจงขึ้นครองราชย์ต่อมาพระนามว่า จักรพรรดิซ่งเสินจง (ค.ศ. ๑๐๖๗ -
๑๐๗๕) จึงได้เริ่มนำโครงการปฏิรูปของหวังอันสือมาปรับใช้ โดยโครงการปฏิรูปของหวังอันสือที่สำคัญ ได้แก่
๑) ปฏิรูประบบเศรษฐกิจพื้นฐาน โดยวางมาตรการควบคุมสินค้า
ให้รัฐบาลซื้อผลผลิตในพื้นที่ที่มีผลิตผล แล้วนำมากไปจำหน่ายในพื้นที่ที่ขาดแคลนเพื่อไม่ให้พ่อค้าผูกขาดสินค้า
๒) ออกกฎหมายเพื่อช่วยเหลือชาวนาไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการรีดดอกเบี้ยจากนายทุนเงินกู้หน้าเลือด
๓) วางมาตรการประเมินที่ดินใหม่ในการจัดเก็บภาษี
โดยการจัดอันดับคุณภาพที่ดินเป็นขั้น ๆ และประเมินการเก็บภาษีจากผลผลิตที่สามารถผลิตได้ในแต่ปี
๔) แก้ปัญหารายจ่ายมหาศาลในกองทัพโดยนำระบบ
“เป่าเจี๋ย” มาใช้คือ ให้ครอบครัว ๑๐ ครอบครัวจัดตั้งกองกำลังอาสาสมัครได้ ๑ หน่วย
เมื่อว่างจากการเกษตรก็ให้ซ้อมรบ นอกจากนี้
หวังอันสือยังมองการไกลถึงเรื่องทหารม้าที่ยังอ่อนแอ จึงให้ชาวนาเลี้ยงม้าที่รัฐจัดให้ครอบครัวละหนึ่งตัว
และฝึกให้มีการรบบนหลังม้าด้วย
๕) พัฒนาด้านการศึกษา
โดยเพิ่มโรงเรียนของรัฐบาลให้มากขึ้นเพื่อแข่งขันกับโรงเรียนเอกชน
มาตรการปฏิรูปที่หวังอันสือ ดำเนินการนั้นมุ่งหวังให้เศรษฐกิจได้พัฒนาประชาชนได้รับประโยชน์
แต่กลับทำลายผลประโยชน์ของขุนนางส่วนใหญ่ในระบบราชการ, เจ้าหน้าที่, พ่อค้า และนายทุนเงินกู้ ทำให้กลุ่มผู้อิทธิพลเหล่านี้ต่างพากันคัดค้านโครงการนี้
อย่างไรก็ตาม
ภายหลังจักรพรรดิซ่งเสินจงสิ้น (ค.ศ. ๑๐๘๕)
โอรสวัยสิบขวบขึ้นครองราชย์ต่อพระนามว่าซ่งเจ๋อจง (ค.ศ. ๑๐๘๕ - ๑๑๐๐)
มีเกาไทเฮาเป็นที่ปรึกษาราชกิจ ซึ่งให้การสนับสนุนกลุ่มแนวคิดอนุรักษ์แบบเก่านำโดยซือหม่ากวง
ไม่นานนักกลุ่มปฏิรูปของหวังอันสือก็ถูกขับไล่ออกจากศูนย์กลางอำนาจ พร้อมกับยกเลิกนโยบายในการปฏิรูปทั้งหมด
เมื่อบุคคลกลุ่มนี้ได้เข้ามามีอำนาจในระบบราชการ
ก็เริ่มออกกฎระเบียบใหม่เพื่อให้เอื้อประโยชน์แก่การโกงกินและการขยายอำนาจในหมู่พรรคพวกเดียวกัน
อันนำมาซึ่งความล้มเหลวของระบบราชการ
เป็นเหตุให้ราษฎรทยอยลุกฮือขึ้นก่อการต่อต้านราชสำนัก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Search
สนับสนุนผู้เขียน
เสียงเพรียกแห่งธรรม
บทความยอดนิยม
-
นักปฏิวัติและกวีสาวที่อุทิศชีวิตเพื่ออุดมการณ์ มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะเธอเป็นหญิงจีนคนแรกที่กล้าออกมาเรียกร้องส...
-
"คนกลุ่มไหนแต่งตั้ง ก็ต้องไปรับใช้คนกลุ่มนั้น" โดย นิติภูมิ นวรัตน์ ท่านผู้ใหญ่ถามผมว่า ถ้าการเมืองถอยหลัง ยอมให้ ส.ว.เลือกนาย...
-
โดย.... นิติภูมิ นวรัตน์ 19 เม.ย. 59 ไทยรัฐออนไลน์ แนวโน้มที่จะก่อให้เกิดวิกฤติความขัดแย้งขั้นสูงถึงขั้นเลือดท่วมแผ่นดิน มาตรา 31...
-
ในปี 2554 ที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดจากการใช้ Social Media ในการกระจายข่าว จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองมาแล้วในหลาย...
-
ช่วงปลายรัชสมัยของจักรพรรดิเฉิ่งจื่อ (ค.ศ. ๑๔๐๓ - ๑๔๒๔) อาณาจักรจีนต้องประสบกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันอย่างหนัก สาเหตุของปัญหานี้เกิดจา...
-
วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เริ่มก่อการปฏิวัติ โดยเจตนาแรกที่บอกแก่ประชาชนว่าที่ต้องทำเช่นนี้เพราะ ต้องการให้บ้า...
-
เมืองไทยของเรา เข้าทางลำบาก เพราะคนใช้ปาก พูดจาถากถาง ด่าทอโจมตี กาลีทุกทาง สามัคคีอับปาง ทุกอย่างวุ่นว...
-
ในแผ่นดินจีนช่วงเกิดการปฏิวัติเพื่อโค้นล้มการปกครองแบบศักดินา (ค.ศ. ๑๙๑๑) เมื่อราชสำนักทราบข่าวการก่อปฏิวัติ ก็รีบประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องแล้...
-
อาณาจักรจีนนับตั้งแต่บรรพบุรุษเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรที่สุด คนจีนในยุคก่อนเลยมีความเชื่อว่าอาณาจักรของตนเป็นเจ้าโลก จึงมักเรียก...
-
เด็กๆ มันบ่น ประชาชนเบื่อจนคนในชาติเกือบจะเป็นบ้า เพราะนักปกครองดีแต่พูด อวดดี หูเบา ปากบอน บุ่มบ่าม บ้าระห่ำ และหลงอำนาจ ขอท...
สถิติผู้เข้าชม
ติดตามผู้เขียน
ฟอร์มรายชื่อติดต่อ
ติดตามที่ Facebook
Icon
Tags
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น