วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

On 04:29 by EForL   No comments
ช่วงปลายของราชวงศ์ชิง (พ.ศ. ๒๔๐๘) อาณาจักรจีนมีการปฏิรูปการปกครองขนานใหญ่ เพื่อรับมือกับนักล่าอาณานิคมที่มาจากชาติตะวันตกโดยเริ่มปรับปรุงโครงสร้างการปกครอง มีการเพิ่มกระทรวงต่างประเทศเพื่อติดต่อกับต่างประเทศโดยตรง เพิ่มกรมศุลกากรเพื่อดูแลเรื่องภาษีสินค้าและผลประโยชน์ของอาณาจักร นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่อาณาจักรจีนพยายามเลียนแบบชาติตะวันตกอีกหลายประการ เช่น
ปี ค.ศ.๑๘๖๘ สร้างอู่ต่อเรือ
-  ปี ค.ศ.๑๘๖๙ ตั้งโรงเรียนสอนภาษาและกฎหมายต่างประเทศขึ้นที่ปักกิ่ง
ปี ค.ศ. ๑๘๗๒ ส่งนักเรียนไปศึกษาในสหรัฐอเมริกาจำนวน ๑๒๐ คน
- ปี ค.ศ. ๑๘๗๒ จัดตั้งบริษัทเดินเรือสำหรับการติดต่อค้าขาย โดยดำเนินการตามหลักที่ว่ารัฐราชสำนักควบคุม พ่อค้าดำเนินการ
- ปี ค.ศ. ๑๘๗๖ ส่งนายทหารจีนไปศึกษาวิชาทหารชั้นสูงที่ประเทศเยอรมัน
- ปี ค.ศ. ๑๘๗๘ เปิดเหมืองถ่านหินที่ไคผิง
-ปี ค.ศ. ๑๘๘๓ สร้างโรงงานผลิตเครื่องจักร เริ่มวางสายโทรศัพท์และติดตั้งโทรเลขในท้องถิ่น
- ปี ค.ศ. ๑๘๘๙ สร้างทางรถไฟเพื่อขนส่งถ่านหินจากไคผิงไปปักกิ่งความยาว ๒๔๐ ไมล์

อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงการต่างๆ ดำเนินงานไปได้ในระดับหนึ่ง ก็ต้องประสบกับปัญหาถึงขั้นล้มละลาย หรือทรัพย์สินบางอย่างต้องตกไปอยู่ภายใต้การควบคุมของชาวต่างชาติ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ
๑) พ่อค้าใหญ่และนายทุนเอกชน พยายามผูกขาดทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เพื่อประโยชน์แก่ธุรกิจของตน ทำให้รัฐบาลขาดวัตถุดิบในการผลิต หรือต้องจ่ายค่าวัตถุดิบในราคาสูง เมื่อเป็นดังนี้รัฐบาลต้องไปกู้เงินต่างชาติมาหมุน ครั้นเมื่อถึงกำหนดชำระเงินแล้วไม่มีจ่ายก็ยอมให้ต่างชาติเข้ามายึด หรือดูแลกิจการต่อ

 ๒) รัฐบาลจีนไม่พัฒนาระบบขนส่งภายในประเทศ แม้ทรัพยากรในประเทศมีอยู่ก็เอามาใช้ไม่ได้ จึงกลายเป็นว่าวัสดุต่างๆ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่

ที่ยกเรื่องการปฏิรูปของราชวงศ์ชิงมาให้ศึกษาก็เพราะว่า เมื่อ ๒ วันก่อนได้เดินทางเข้าไปเที่ยวในเมืองหลวงของประเทศไทย การได้ไปครั้งนี้มีสิ่งหนึ่งที่เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจคือ ความหนาแน่นของรถในท้องถนน (รถติด)



ยังจำได้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ผู้เขียนเข้ามาฝึกงานที่กรุงเทพฯ จำนวนรถยังไม่เยอะขนาดนี้ ตอนนั้นเข้าใจว่าคนยังไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะซื้อรถ มาถึงทุกวันนี้ผมว่าคนทั้งหลายก็ยังไม่มีทรัพย์ที่จะซื้อรถ (ในราคาสด) มาขับเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความจำเป็นและทัศนคติของคนใช้รถที่ผิดไป ทำให้เกิดปัญหารถหนาแน่นบนท้องถนนเช่นนี้

ถ้ารัฐบาลยังไม่รีบแก้ปัญหาระบบขนส่งมวลชลแล้วหละก็ ต่อให้โฆษณาว่าได้พัฒนาประเทศไปมากมายเพียงใด ก็ไม่ทำให้คุณภาพชีวิตของคนในประเทศอยู่ดีมีสุขขึ้น